tag:blogger.com,1999:blog-42892309022856907292024-03-13T08:05:21.483-07:00เทคโนโลยีสารสนเทศ ม.5 โดย นิว บางบ่อAnonymoushttp://www.blogger.com/profile/04094612947175244600noreply@blogger.comBlogger3125tag:blogger.com,1999:blog-4289230902285690729.post-39560589061087055582013-07-23T21:10:00.001-07:002013-07-23T21:10:30.104-07:00คำถามประจำหน่วย โดย นาย วชิรวิทย์ ตองอ่อน ม.5/4 เลขที่ 6ข้าพเจ้ามีหลักปฏิบัติในการใช้อินเทอร์เน็ตให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนเองและไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้อื่นและสังคม ดังนี้ <br />
1. ไม่ใช้คอมพิวเตอร์ล่วงละเมิดผู้อื่น เช่น ไม่ควรแสดงข้อความกล่าวหาผู้อื่น <br />
2.ไม่ใช้คอมพิวเตอร์รบกวนการทำงานของผู้อื่น<br />
3.ไม่เปิดดูข้อมูลในแฟ้มของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต <br />
4.ไม่ใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสารเช่น การเจาะรหัสบัตรเครดิต <br />
5.ไม่ใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็นเท็จ<br />
6.ไม่คัดลอกโปรแกรมของผู้อื่นที่มีลิขสิทธิ์โดยไม่ได้รับอนุญาต<br />
7.ไม่ควรละเมิดใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไม่มีสิทธิ์ <br />
8.ไม่นำผลงานของผู้อื่นเป็นของตน<br />
9.คำนึงถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมอันเป็นการกระทำของตน<br />
<span style="background-color: white; color: #333333; font-family: 'lucida grande', tahoma, verdana, arial, sans-serif; line-height: 16px; white-space: pre-wrap;">10. ต้องใช้คอมพิวเตอร์ดดยเคารพกฎ ระเบียบ กติกาและมารยาทของสังคมคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสิ่งที่ ทำให้สังคมเครือข่ายอินเตทอร์เน็ตเป็นระเบียบ</span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/04094612947175244600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4289230902285690729.post-87822024969262063762013-07-08T06:10:00.002-07:002013-07-09T05:30:49.990-07:00information technology M 5/6<div style="text-align: center;">
<b style="background-color: white;"><span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: medium;">เครือข่ายคอมพิวเตอร์ </span></b></div>
<br />
<dd style="background-color: white;"><span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"></span></span><br />
<div align="left">
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"><b> </b><b>เครือข่ายคอมพิวเตอร์ </b><span style="font-family: angsanaupc; font-size: medium;"></span>คือนำเอาเครื่องคอมพิวเตอร์ ขนาดใหญ่มาเป็นสถานีบริการ หรือที่เรียกว่า เครื่องให้บริการ (Server ) และให้ไมโครคอมพิวเตอร์ตาม หน่วยงานต่างๆ เป็นเครื่องใช้บริการ (Client) โดยมีเครือข่าย(Network) เป็นเส้นทางเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์จาก จุดต่างๆ </span></span></div>
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;">
</span></span></dd><dd style="background-color: white;"><span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"></span></span><br />
<div align="center">
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"><br /></span></span>
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img border="0" height="200" src="http://www.rayongwit.ac.th/comcen09/network/images/client.gif" tppabs="http://www.yupparaj.ac.th/RoomNet2545/activity7/images/client.gif" width="196" /></span></span></div>
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;">
<div style="text-align: left;">
<span style="font-family: MS Sans Serif;">ในที่สุดระบบเครือข่ายก็จะเข้ามาแทนระบบคอมพิวเตอร์เดิมที่เป็นแบบรวมศูนย์ได้ </span><span style="font-family: 'Times New Roman';"> </span><span style="font-family: MS Sans Serif;">เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทวีความสำคัญและได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะสามารถสร้างระบบคอมพิวเตอร์ให้ พอเหมาะกับงาน ในธุรกิจขนาดเล็กที่ไม่มีกำลังในการลงทุนซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีราคาสูงเช่น มินิคอมพิวเตอร์ ก็สามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์หลายเครื่องต่อเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่าย โดยให้ไมโครคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เป็นสถานีบริการที่ทำให้ใช้งานข้อมูลร่วมกันได้ เมื่อกิจการเจริญก้าวหน้าขึ้นก็สามารถขยายเครือข่ายการใช้ คอมพิวเตอร์โดยเพิ่มจำนวนเครื่องหรือขยายความจุข้อมูลให้พอเหมาะกับองค์กร ในปัจจุบันองค์การขนาดใหญ่ก็สามารถลดการลงทุนลงได้ โดยใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์เชื่อมโยงจากกลุ่มเล็ก ๆ หลาย ๆ กลุ่มรวมกันเป็นเครือข่ายขององค์การ โดยสภาพการใช้ข้อมูลสามารถทำได้ดีเหมือน เช่นในอดีตที่ต้องลงทุนจำนวนมาก เครือข่ายคอมพิวเตอร์มีบทบาทที่สำคัญต่อหน่วยงานต่างๆ ดังนี้<br />1. ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม และสามารถทำงานพร้อมกัน<br />2. ให้สามารถใช้ข้อมูลต่างๆ ร่วมกัน ซึ่งทำให้องค์การได้รับประโยชน์มากขึ้น<br />3. ทำให้สามารถใช้ทรัพยากรได้คุ้มค่า เช่น ใช้เครื่องประมวลผลร่วมกัน แบ่งกันใช้แฟ้มข้อมูล ใช้เครื่องพิมพ์ และอุปกรณ์ที่มีราคาแพงร่วมกัน<br />4. ทำให้ลดต้นทุน เพราะการลงทุนสามารถลงทุนให้เหมาะสมกับหน่วยงานได้ </span></div>
<div style="text-align: center;">
<span style="font-family: MS Sans Serif;"><br /></span></div>
<div align="center" style="text-align: start;">
<img src="http://www.rayongwit.ac.th/comcen09/network/images/cli_ser.gif" /> </div>
<div align="center" style="text-align: start;">
ชนิดของเครือข่าย<br />
เครือข่ายคอมพิวเตอร์แบ่งแยกตามสภาพการเชื่อมโยงได้ 2 ชนิด<br />
- เครือข่ายแลน (Local Area Network : LAN)<br />
- เครือข่ายแวน (Wide Area Network : WAN<span style="font-size: x-small;"><br /></span> </div>
</span></span>
<br />
<dl style="font-family: 'MS Sans Serif';"><dd>เครือข่ายแลน</dd><div align="center">
<center>
<dt><img border="0" height="192" src="http://www.rayongwit.ac.th/comcen09/network/images/lan.gif" tppabs="http://www.yupparaj.ac.th/RoomNet2545/activity7/images/lan.gif" width="250" /></dt>
</center>
</div>
<dd></dd><dd></dd><dd> หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ท้องถิ่นเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ซึ่งเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สื่อสารที่อยู่ในท้องที่ บริเวณเดียวกันเข้าด้วยกัน เช่น ภายในอาคาร หรือภายในองค์การที่มีระยะทางไม่ไกลมากนัก เครือข่ายแลนจัดได้ว่าเป็นเครือข่ายเฉพาะขององค์การ การสร้างเครือข่ายแลนนี้องค์การสามารถดำเนินการทำเองได้ โดยวางสายสัญญาณสื่อสารภายในอาคารหรือภายในพื้นที่ของตนเอง เครือข่ายแลน มีตั้งแต่เครือข่ายขนาดเล็กที่เชื่อมโยงคอมพิวเตอร์ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไปภายในห้องเดียวกันจนเชื่อมโยงระหว่างห้อง หรือองค์การขนาดใหญ่เช่นมหาวิทยาลัย มีการวางเครือข่ายที่เชื่อมโยงระหว่างอาคารภายในมหาวิทยาลัย เครือข่ายแลนจึงเป็นเครือข่ายที่รับผิดชอบโดยองค์การที่เป็นเจ้าของ ลักษณะสำคัญของเครือข่ายแลน คืออุปกรณ์ที่ประกอบภายในเครือข่ายสามารถรับส่งสัญญาณกันด้วยความเร็วสูงมาก โดยทั่วไปมีความเร็วตั้งแต่ หลายสิบล้านบิตต่อวินาที จนถึงร้อยล้านบิตต่อวินาที การสื่อสารในระยะใกล้จะมีความเร็วในการสื่อสารสูง ทำให้การรับส่งข้อมูลมีความผิดพลาดน้อยและสามารถรับส่งข้อมูลจำนวนมากในเวลาจำกัด</dd></dl>
<span style="font-family: 'MS Sans Serif';"></span><span style="font-family: 'MS Sans Serif';"> </span><span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"></span></span></dd><dd><span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;">เครือข่ายแวน </span></span></dd><dd></dd><dd><div align="center">
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"><img border="0" height="150" src="http://www.rayongwit.ac.th/comcen09/network/images/wan.gif" tppabs="http://www.yupparaj.ac.th/RoomNet2545/activity7/images/wan.gif" width="250" /></span></span></div>
</dd><dd></dd><dd><span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;">เป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงระบบคอมพิวเตอร์ในระยะไกล เช่น เชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ระหว่างประเทศ การสร้างเครือข่ายระยะไกล จึงต้องอาศัยระบบบริการข่ายสายสาธารณะ เช่น สายวงจรเช่าจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยหรือจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย ใช้วงจรสื่อสารผ่านดาวเทียม ใช้วงจรสื่อสารเฉพาะกิจที่มีให้บริการแบบสาธารณะ เครือข่ายแวนจึงเป็นเครือข่าย ที่ใช้กับองค์การที่มีสาขาห่างไกลและต้องการเชื่อมสาขาเหล่านั้นเข้าด้วยกัน เช่น ธนาคารมีสาขาทั่วประเทศ มีบริการ รับฝากเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม เครือข่ายแวนเชื่อมโยงระยะไกลมาก จึงมีความเร็วในการสื่อสารจึงไม่สูง เนื่องจาก มีสัญญาณรบกวนในสาย และการเชื่อมโยงระยะไกลจำเป็นต้องใช้เทคนิคพิเศษในการลดปัญหาข้อผิดพลาดของ การรับส่งข้อมูล เครือข่ายแวน เป็นเครือข่ายที่ทำให้เครือข่ายแลนหลายๆ เครือข่ายเชื่อมถึงกันได้เช่นที่ทำการสาขาทุกแห่ง ของธนาคารแห่งหนึ่งมีเครือข่ายแลนเพื่อใช้ทำงานภายในสาขานั้นๆ และมีการเชื่อมโยงเครือข่ายแลน ของทุกสาขาให้เป็นระบบเดียวด้วยเครือข่ายแวน ในอนาคตอันใกล้นี้ บทบาทของเครือข่ายแวนจะทำให้ทุกบริษัท ทุกองค์การทุกหน่วยงานเชื่อมโยงเครือข่าย คอมพิวเตอร์ของตนเองเข้าสู่เครือข่ายกลาง เพื่อการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน และการทำงานร่วมกัน ในระบบที่ต้องติดต่อสื่อสารระหว่างกัน เทคโนโลยีที่ใช้กับเครือข่ายแวนมีความหลากหลาย มีการเชื่อมโยงระหว่างประเทศด้วยช่องสัญญาณดาวเทียม เส้นใยนำแสง </span></span></dd><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;"></span><br />
<div align="left">
<span style="font-family: MS Sans Serif;"> อีเทอร์เน็ต (Ethernet)</span><br />
<span style="font-family: MS Sans Serif;"> อีเทอร์เน็ตเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่พัฒนามาจากโครงสร้างการเชื่อมต่อแบบสายสัญญาณร่วมที่เรียกว่า บัส (Bus) </span></div>
<span style="font-family: MS Sans Serif;">
<div align="center">
<img border="0" height="224" src="http://www.rayongwit.ac.th/comcen09/network/images/lan-bus.jpg" tppabs="http://www.yupparaj.ac.th/RoomNet2545/activity7/images/lan-bus.jpg" width="254" /> </div>
</span><br />
<div align="left">
<span style="font-family: MS Sans Serif;"><br /> โดยใช้สายสัญญาณแบบแกนร่วม คือ สายโคแอกเชียล (Coaxial Cable) เป็นตัวเชื่อม สำหรับระบบบัส เป็นระบบ เทคโนโลยีที่คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องเชื่อมโยงเข้ากับสายสัญญาณเส้นเดียวกัน คือ เมื่อมีผู้ต้องการส่งข้อมูล ก็ส่งข้อมูลได้เลย แต่เนื่องจากไม่มีวิธีการค้นหาเส้นทางที่ส่งว่างหรือเปล่า </span></div>
<div align="left">
<span style="background-color: white; font-family: MS Sans Serif;"> โทเก็นริง โทเก็นริง เป็นเครือข่ายที่บริษัท ไอบีเอ็ม พัฒนาขึ้น รูปแบบการเชื่อมโยงจะเป็น </span><span style="background-color: white; font-family: MS Sans Serif;"><b>วงแหวน</b></span><span style="background-color: white; font-family: MS Sans Serif;"> โดยด้านหนึ่งเป็นตัวรับสัญญาณและอีกด้านหนึ่งเป็นตัวส่งสัญญาณ การเชื่อมต่อแบบนี้ทำให้คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องสามารถส่งข้อมูลถึงกันได้ โดยผ่านเส้นทางวงแหวนนี้ การติดต่อสื่อสารแบบนี้จะมีการจัดลำดับให้ผลัดกันส่งเพื่อว่าจะได้ไม่สับสน และมีรูปแบบ ที่ชัดเจน โทเก็นริงที่ใช้กันอยู่ในขณะนี้มีความเร็วในการรับส่งสัญญาณได้ 16 ล้านบิตต่อวินาที ข้อมูลแต่ละชุดจะมี การกำหนดตำแหน่งแน่นอนว่ามาจากสถานีใด และจะส่งไปที่สถานีใด</span></div>
<div align="left">
<span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';"> สวิตชิง </span><span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';"></span><br />
<span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';"> สวิตชิง เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนามาเพื่อให้สามารถรับส่งข้อมูลระหว่างสถานีทำได้เร็วยิ่งขึ้น การคัดเลือกชุดข้อมูล ที่ส่งมาและส่งต่อไปยังสถานีปลายทาง จะกระทำที่ชุมสายกลางที่เรียกว่า สวิตชิง รูปแบบของเครือข่ายแบบนี้จะมีลักษณะ เป็นแบบดาว ซึ่งโครงสร้างนี้จะเหมือนกันกับแบบอีเทอร์เน็ตที่มีฮับเป็นศูนย์กลาง แต่แตกต่างกันที่ฮับเป็นจุดร่วมของสาย สัญญาณที่จะต่อกระจายไปยังทุกสาย แต่สวิตชิงจะเลือกการสลับสัญญาณไปยังตำแหน่งที่ต้องการเท่านั้น สวิตชิงจึงมีข้อดี กว่าฮับเนื่องจากแต่ละสายสัญญาณจะมีความเป็นอิสระต่อกันมาก ทำให้รับส่งสัญญาณไม่มีปัญหาเรื่องการชนกัน ของข้อมูล อุปกรณ์ที่ใช้ในการสวิตชิงมีหลายแบบ เช่น อีเทอร์เน็ตสวิตซ์ และเอทีเอ็มสวิตซ์</span></div>
<div align="left">
<span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';">การใช้ฐานข้อมูลร่วมกัน</span><span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';"> </span><span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';"><br /> งานขององค์กรบางอย่างมีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลชุดเดียวกัน ถ้าแต่ละฝ่ายทำการหาหรือรวบรวมข้อมูลเอง </span><span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';">ข้อมูลอาจ จะมีความคลาดเคลื่อนไม่ตรงกันก็ได้ นอกจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นแล้วยังทำให้สิ้นเปลืองทรัพยากรบุคคลและวัสดุอุปกรณ์ สิ้นเปลืองเวลาอีกด้วย แต่ถ้าองค์กรนั้นมีระบบการจัดเก็บข้อมูลที่ดี มีสถานีให้บริการเก็บข้อมูล แล้วให้ผู้ใช้บริการในองค์กร นั้นดึงข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายไปใช้ ก็จะประหยัดค่าใช้จ่ายด้านต่าง ๆ ได้ </span></div>
<div align="left">
<span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';">การติดต่อสื่อสารระหว่างกันบนเครือข่าย</span><span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';"> </span><span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';"> เมื่อมีการเชื่อมโยงอุปกรณ์เข้าด้วยกัน ผู้ใช้ทุกคนที่อยู่บนเครือข่าย จะสามารถ ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน สามารถส่ง ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างกัน ตลอดจนสามารถโอนย้ายข้อมูลระหว่างกันได้</span></div>
<div align="left">
<span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';">สำนักงานอัตโนมัติ<br /> แนวคิดของสำนักงานสมัยใหม่ ก็คือ ลดการใช้กระดาษ หันมาใช้ระบบการทำงาน ด้วยคอมพิวเตอร์ที่สามารถ แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้ทันทีทันใด ระบบสำนักงานอัตโนมัติจึงเป็นระบบการทำงานที่ทุกสถานีงานเปรียบเสมือน โต๊ะทำงาน ทำให้เกิดความคล่องตัว และรวดเร็ว</span></div>
<div style="background-color: white; text-align: left;">
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"> ตัวอย่างเครือข่ายคอมพิวเตอร์</span></span><span style="font-family: 'MS Sans Serif';"> </span></div>
<div style="background-color: white; text-align: left;">
<span style="font-family: 'MS Sans Serif';">เมื่อเทคโนโลยีเครือข่ายได้รับการพัฒนาโดยเฉพาะมีการประยุกต์ใช้งานบนเครือข่ายอย่างกว้างขวาง ทำให้เครือข่าย คอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายเดียวกัน เรียกว่า อินเทอร์เน็ต ขณะเดียวกันในองค์กรแต่ละองค์กร ก็มีการพัฒนาเครือข่ายของตนเองและประยุกต์ใช้กับงานเฉพาะในองค์กร เรียกว่าอินทราเน็ต ดังนั้น อินเทอร์เน็ตจึง แตกต่างจากอินทราเน็ตตรงที่ขอบเขตของการเชื่อมโยง ส่วนมาตรฐานและวิธีการเชื่อมโยงยังคงเป็นมาตรฐานเดียวกัน</span></div>
<dl><dd><span style="font-family: MS Sans Serif;">อินเทอร์เน็ต<br /> อินเทอร์เน็ตพัฒนามาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2512 โดยกระทรวงกลาโหมประเทศสหรัฐอเมริกาให้ทุนกับมหาวิทยาลัย ชั้นนำในสหรัฐฯ เพื่อเชื่อมโยงเครื่องคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยเข้าเป็นเครือข่าย และใช้ทรัพยากรเพื่อทำงานวิจัย เกี่ยวกับการเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ร่วมกัน ซึ่งสมัยแรกใช้ชื่อว่า อาร์ปาเน็ต และจึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็น อินเทอร์เน็ตในภายหลัง เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้รับการพัฒนาให้เป็นมาตรฐาน โดยมาตรฐานการรับส่งข้อมูลมีชื่อว่า ทีซีพี/ไอพี (TCP/IP) ต่อมามีการเชื่อมเครือข่ายออกสู่องค์กรเอกชน และแพร่ขยายไปทั่วโลก เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ถือเป็นเครือข่ายของเครือข่าย หมายความว่าในองค์กรได้สร้างเครือข่ายภายในตนเองขึ้นมา และนำมาเชื่อมต่อสู่เครือข่าย สากลอินเทอร์เน็ตนี้ โดยมีการกำหนดตำแหน่งอุปกรณ์ด้วยรหัสหมายเลขที่เรียกว่า แอดเดรส ซึ่งอินเทอร์เน็ต กำหนดรหัสแอดเดรสเรียกว่า </span><span style="font-family: MS Sans Serif; font-size: small;">ไอพีแอดเดรส </span><span style="font-family: MS Sans Serif;">และถือเป็นรหัสสากลที่ไม่ซ้ำกันเลย ไอพีแอดเดรสจะประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด โดยเน้นเป็นรหัสของเครือข่ายและรหัสของอุปกรณ์ เช่น รหัสแทนเครือข่ายของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ใช้รหัส 158.108 ส่วนรหัสของเครื่องจะมีอีกสองพิกัดตามมา เช่น 2.71 เมื่อเขียนรวมกันจะได้ 158.108.2.71 เพื่อให้จดจำได้ง่ายจึงมีการตั้งชื่อคู่กับหมายเลข เราเรียกชื่อนี้ว่า โดเมน เช่นโดเมนของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ก็ ใช้ชื่อ ku.ac.th โดย th หมายถึงประเทศไทย ac หมายถึงสถาบันการศึกษา และ ku หมายถึง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และถ้ามีเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ในเครือข่ายหลายเครื่อง ก็ให้มีการตั้งชื่อเครื่องด้วย เช่น nontri เมื่อมีการเรียกรวมกันก็ จะเป็น nontri.ku.ac.th การใช้ชื่อนี้ทำให้ใช้งานง่ายกว่าตัวเลข เมื่อเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเชื่อมโยงกันได้ทั่วโลก ทำให้โลกไร้พรมแดน ข้อมูล ข่าวสารต่าง ๆ สามารถสื่อถึงได้อย่าง รวดเร็ว ตัวอย่างการใช้งานบนอินเทอร์เน็ตที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นเพียงตัวอย่างที่แพร่หลายและใช้กันมากเท่านั้น แต่ยังมีการใช้งานอื่น ๆ อีกมากที่ได้รับการพัฒนาขึ้นมาตลอดเวลา<span style="font-family: angsanaupc; font-size: medium;"> </span>1. การรับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์<br /> เป็นระบบการสื่อสารทางจดหมายผ่านคอมพิวเตอร์ ถ้าเราต้องการส่งข้อความถึงใครก็สามารถเขียนเป็นเอกสาร แล้วจ่าหน้าซองที่อยู่ของผู้รับที่เรียกว่า แอดเดรส ระบบจะนำส่งให้ทันทีอย่างรวดเร็ว ลักษณะของแอดเดรสจะเป็นชื่อรหัสผู้ใช้ และชื่อเครื่องประกอบกัน เช่น sombat@nontri.ku.ac.th การติดต่อบนอินเทอร์เน็ตนี้ จะหาตำแหน่งให้เองโดยอัตโนมัติ และนำส่งไปปลายทางได้อย่างถูกต้อง การรับส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (email) กำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย <span style="font-family: angsanaupc; font-size: medium;"><br /></span>2. การโอนย้ายแฟ้มข้อมูลระหว่างกัน<br /> เป็นระบบที่ทำให้ผู้ใช้สามารถรับส่งแฟ้มข้อมูลระหว่างกันหรือมีสถานีให้บริการ เก็บแฟ้มข้อมูลที่อยู่ในที่ต่าง ๆ และให้บริการ ผู้ใช้สามารถเข้าไปคัดเลือกนำแฟ้มข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้<br clear="left" />3. การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในที่ห่างไกล<br /> การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เข้ากับเครือข่าย ทำให้เราสามารถ เรียกหาเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นสถานีบริการใน ที่ห่างไกลได้ ผู้ใช้สามารถนำข้อมูลไปประมวลผลยังเครื่องคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่าย โดยไม่ต้องเดินทางไปเอง<br />4. การเรียกค้นข้อมูลข่าวสาร<br /> ปัจจุบันมีฐานข้อมูลที่เก็บไว้ให้ใช้งานจำนวนมาก ฐานข้อมูลบางแห่งเก็บข้อมูลในรูปสิ่งพิมพ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ใช้สามารถ เรียกอ่าน หรือนำมาพิมพ์ ลักษณะการเรียกค้นนี้จึงมีลักษณะเหมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่อยู่ภายในเครือข่าย ที่สามารถค้นหาข้อมูลใด ๆ ก็ได้ ฐานข้อมูล ในลักษณะนี้เรียกว่า เครือข่ายใยแมงมุมครอบคลุมทั่วโลก(World Wide Web : WWW) เป็นฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกันทั่วโลก<br />5. การอ่านจากกลุ่มข่าว<br /> ภายในอินเทอร์เน็ตมีกลุ่มข่าวเป็นกลุ่ม ๆ แยกตามความสนใจ แต่ละกลุ่มข่าว อนุญาตให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตส่งข้อความ ลงไปได้ และหากมีผู้ต้องการเขียนโต้ตอบก็สามารถเขียนตอบได้ กลุ่มข่าวนี้จึงแพร่หลายกระจายข่าวได้รวดเร็ว<br />6. การสนทนาบนเครือข่าย<br /> เครือข่ายอินเทอร์เน็ตเป็นตัวกลาง ในการติดต่อสนทนากันได้ ในยุคแรกใช้วิธีการสนทนาเป็นตัวหนังสือ ต่อมา พัฒนาให้ใช้เสียงได้ ปัจจุบันถ้าระบบสื่อสารมีความเร็วพอก็สามารถสนทนาโดยที่เห็นหน้ากันและกันบนจอภาพได้<br />7. การบริการสถานีวิทยุและโทรทัศน์บนเครือข่าย<br /> ปัจจุบันมีผู้ตั้งสถานีวิทยุบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหลายร้อยสถานี ผู้ใช้สามารถเลือกสถานที่ต้องการและได้ยินเสียงเหมือน การเปิดฟังวิทยุ ขณะเดียวกันก็มีการส่งกระจายภาพวีดิโอบนเครือข่ายด้วย</span></dd></dl>
<div style="background-color: white; text-align: left;">
<span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"> </span></span></div>
<dl style="background-color: white;"><span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"></span></span><dd><span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;">7.5.2 อินทราเน็ต<br /> เมื่ออินเทอร์เน็ตได้รับการพัฒนามาจนเป็นที่ยอมรับและแพร่หลาย จึงมีผู้ต้องการสร้างเครือข่ายใช้งานเฉพาะในองค์กร โดยนำวิธีการในอินเทอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้กับเครือข่ายของตนเอง เครือข่ายที่ใช้งานเฉพาะในองค์การนี้จึงเรียกว่า เครือข่ายอินทราเน็ต การประยุกต์ใช้บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตใช้หลักการที่มีสถานีให้บริการ และสถานีผู้ใช้บริการ สถานีผู้ใช้บริการมีโปรแกรมเชื่อมต่อที่ทำให้ใช้งานระบบฐานข้อมูลได้ง่าย อินทราเน็ตจึงใช้วิธีการเดียวกันนี้ เพราะทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องเสียเวลาในการเรียนรู้การพัฒนาขึ้น และพร้อมที่จะเชื่อมต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต</span></span></dd></dl>
<div align="left">
<span style="background-color: white; font-family: 'MS Sans Serif';"><span style="font-family: 'Times New Roman'; font-size: small;"><span style="color: black; font-family: MS Sans Serif;"><span style="color: blue;"> </span></span></span></span></div>
</dd><span style="font-size: small;"><span style="font-family: MS Sans Serif;"></span><span style="font-family: MS Sans Serif;"><div style="text-align: center;">
<span style="text-align: start;"> </span><span style="font-size: xx-small; text-align: start;"><br /></span><span style="text-align: start;"> </span></div>
<div align="center">
<span style="color: black;"><br /></span></div>
<div align="center">
<span style="color: black;"><br /></span></div>
<div style="text-align: center;">
<span style="color: black;"><br /></span></div>
</span></span>Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/04094612947175244600noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-4289230902285690729.post-80665826923687831252013-06-18T21:37:00.000-07:002013-06-18T21:37:00.070-07:00รู้จักผู้เขียนกันก่อน<div style="text-align: center;">
</div>
<div style="text-align: left;">
ชื่อ นายวชิรวิทย์ ตองอ่อน </div>
<div style="text-align: left;">
อายุ 16 ปี </div>
<div style="text-align: left;">
ชั้นม. 5/6 เลขที่ 6 </div>
<div style="text-align: left;">
ที่อยู่ 263 ม.1 ตำบล บางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ </div>
<div style="text-align: left;">
ศึกษาที่ โรงเรียนบางบ่อวิทยาคม </div>
<div style="text-align: left;">
แผนการศึกษา คณิต-อังกฤษ-จีน </div>
<div style="text-align: left;">
<br /></div>
Anonymoushttp://www.blogger.com/profile/04094612947175244600noreply@blogger.com0